สิทธิตามกฎหมายแรงงาน ที่ผู้ประกันตนจะได้รับจากการส่งเงินสมทบ

[kaidee20]

สำหรับผู้ประกันตน ที่ส่งเงินสมทบเข้ากองทุนสวัสดิการผู้ประกันตนอย่างต่อเนื่อง จะได้รับสิทธิประโยชน์คุ้มครองหลายด้าน ดังนี้
[ul]

• กรณีเจ็บป่วย และรักษาพยาบาล

[/ul]
สามารถเข้ารับบริการที่โรงพยาบาลตามสิทธิ ทั้งของรัฐ และเอกชนในเครือข่าย และสามารถตรวจสุขภาพประจำปี โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ ยังสามารถรับบริการทันตกรรมตามสิทธิ และกรณีเจ็บป่วยจนต้องหยุดงาน ก็สามารถรับเงินทดแทนการขาดรายได้ตามเงื่อนไข
[ul]

• กรณีคลอดบุตร

[/ul]
ตามกฎหมายแรงงาน ผู้ประกันตนหญิง มีสิทธิได้รับความคุ้มครองทั้งก่อน และหลังคลอด ซึ่งได้แก่


[ul]

• เงินเหมาจ่ายค่าคลอดบุตร 15,000 บาท/ครั้ง
• สิทธิลาคลอดพร้อมรับเงินสงเคราะห์ 50% ของค่าจ้างเฉลี่ย เป็นเวลา 90 วัน
• และในกรณีที่บุตรคลอดมีชีวิต สามารถใช้สิทธิ "เงินสงเคราะห์บุตร" ต่อเนื่องได้

[/ul]


[ul]

• เงินสงเคราะห์บุตร

[/ul]
ผู้ประกันตนที่มีบุตรชอบด้วยกฎหมาย อายุไม่เกิน 6 ปี จะได้รับ เงินสงเคราะห์บุตรเดือนละ 1,000 บาทต่อคน เบิกได้สูงสุดไม่เกิน 3 คน และเงินจะถูกโอนเข้าบัญชีทุกเดือนจนกว่าบุตรจะมีอายุครบ 6 ปีบริบูรณ์


ทั้งนี้ ในกรณีมีบุตรแฝด ก็สามารถเบิกได้ตามจำนวนบุตรจริง (แต่ไม่เกิน 3 คน) ซึ่งสิทธิประโยชน์นี้ ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตรของครอบครัวในระยะยาว
[ul]

• กรณีทุพพลภาพ

[/ul]
กรณีทุพพลภาพไม่รุนแรง จะได้รับเงินทดแทน 30% ของค่าจ้างเฉลี่ย เป็นเวลา 180 เดือน แต่หากทุพพลภาพรุนแรง จะได้รับเงินทดแทน 50% ของค่าจ้างเฉลี่ย ตลอดชีวิต รวมถึงได้รับค่ารักษาพยาบาลตามสิทธิ ค่าพาหนะเดินทาง 500 บาทต่อเดือน และมีสิทธิขอรับเงินคืนบำเหน็จชราภาพ
[ul]

• กรณีเสียชีวิต

[/ul]
เพื่อเป็นหลักประกันให้ครอบครัว ผู้ประกันตนที่เสียชีวิตจะได้รับความคุ้มครอง ดังนี้


[ul]

• ค่าทำศพ 50,000 บาท
• เงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต สำหรับผู้ที่ส่งเงินสมทบไม่น้อยกว่า 36 เดือน
• เงินบำเหน็จชราภาพ หรือบำนาญชราภาพ จ่ายให้ทายาทตามสิทธิ

[/ul]


นอกจากนี้ หากเสียชีวิตระหว่างอยู่ในระยะการรักษาพยาบาล ประกันสังคมยังช่วยดูแลค่ารักษาในส่วนสุดท้ายให้ด้วย
[ul]

• กรณีว่างงาน

[/ul]
หากถูกเลิกจ้าง ตามกฎหมายแรงงานแล้วจะได้รับเงินทดแทน 60% ของค่าจ้างเฉลี่ย (ไม่เกิน 180 วัน) แต่หากลาออกเองจะได้รับเงินทดแทน 30% ของค่าจ้างเฉลี่ย (ไม่เกิน 90 วัน)
[ul]

• เงินออมเพื่อชราภาพ

[/ul]
หากส่งเงินสมทบรวม 6% ของค่าจ้าง (ผู้ประกันตน 3% และนายจ้าง 3%)
คำนวณจากฐานค่าจ้างสูงสุด 15,000 บาทต่อเดือน เมื่ออายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ จะสามารถรับเงินบำเหน็จ หรือบำนาญชราภาพได้ ตามเงื่อนไขการส่งเงินสมทบ


ขอบคุณข้อมูลจาก https://cloud-ta.com/